COP หรือ Conference of the Parties คือ การประชุมระหว่างสมาชิก 198 ภาคี เพื่อกำหนดแนวทางรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศร่วมกัน ซึ่งในช่วงปลายปีที่ผ่านมาได้มีการจัดประชุมครั้งที่ 29 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ณ กรุงบากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน ทั้งนี้ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสถาบันเทคโนโลยีและสารสนเทศเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (TIIS) ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้เป็นหนึ่งในตัวแทนองค์กรจากประเทศไทยเข้าร่วมรับฟังและนำเสนอแนวทางการทำงานขับเคลื่อนประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจก

ดร.จิตติ มังคละศิริ หัวหน้าทีมวิจัยพัฒนาฐานข้อมูลตลอดวัฏจักรชีวิตและการประยุกต์เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและการค้า TIIS สวทช. อธิบายว่า ในการประชุม COP29 มีการพูดคุยหลายประเด็นสำคัญ เช่น การเพิ่มเพดานเป้าหมายการสนับสนุนทางการเงินเพื่อภูมิอากาศ (climate finance) ให้แก่ประเทศกำลังพัฒนาจาก 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐเป็น 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 10 ล้านล้านบาท ภายในปี พ.ศ. 2578 (ค.ศ. 2035) หรือประมาณ 3 เท่าตัว เพื่อช่วยเหลือด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและปรับตัวเตรียมพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ มีการทำข้อตกลงด้านการดำเนินการซื้อขายคาร์บอนจนเสร็จสมบูรณ์ พร้อมวางแนวทางสนับสนุนให้ประเทศกำลังพัฒนามีส่วนร่วมในกิจกรรมนี้ มีการหารือเรื่องความโปร่งในการรายงานข้อมูลที่เกี่ยวของกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ และอีกหนึ่งประเด็นที่เป็นวาระสำคัญของการประชุมครังนี้คือ การก่อตั้งกองทุนเพื่อรับมือความสูญเสียและเสียหาย (Fund for Responding to Loss and Damage) ที่จะเริ่มดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบหลังการหารือครั้งนี้
ในการประชุมครั้งนี้ สวทช. ได้รับเชิญให้ร่วมจัดกิจกรรมคู่ขนานในศาลาไทย (Thailand pavilion) เพื่อสร้างการรับรู้ต่อประเทศภาคี COP29 เกี่ยวกับประโยชน์ของการดำเนินงานด้านการจัดทำฐานข้อมูลวัฏจักรชีวิตและค่าสัมประสิทธิ์การปล่อยก๊าซเรือนกระจกหรือ Greenhouse Gases Emission Factor (GHGs EF) เพื่อสนับสนุนการวางแผนบริหารจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างมีประสิทธิภาพให้แก่ภาครัฐและภาคเอกชนด้วย

วันวิศา ฐานังขะโน ทีมวิจัยพัฒนาฐานข้อมูลตลอดวัฏจักรชีวิตและการประยุกต์เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและการค้า TIIS สวทช. อธิบายว่า หนึ่งในภารกิจสำคัญของ TIIS ที่ดำเนินงานมาเป็นเวลากว่า 15 ปี คือการจัดทำค่าสัมประสิทธิ์การปล่อยก๊าซเรือนกระจก จากภาคการผลิตหรือบริการที่คิดรวมการปล่อยก๊าซต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ มีเทน ไนตรัสออกไซด์ โดยมุ่งเน้นการจัดเก็บข้อมูลที่ทันสมัยจากแหล่งการผลิตจริงตามมาตรฐาน ISO 14040 และ 14044
“ที่ผ่านมา TIIS ได้ใช้ข้อมูลเหล่านี้สนับสนุนภาครัฐในการวางแผนนโยบายสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการก้าวผ่านข้อกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศมาโดยตลอด ตัวอย่างการดำเนินงานที่สำคัญ เช่น การสนับสนุนฐานข้อมูลให้แก่สำนักงานส่งเสริมการจัดการสิ่งแวดล้อม (TGO) เพื่อจัดทำฉลากคาร์บอนหรือฉลากรับรองปริมาณการปล่อยคาร์บอนของผลิตภัณฑ์ สำหรับให้ผู้บริโภคใช้เป็นข้อมูลในการเลือกซื้อสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
“อีกตัวอย่างเด่นคือ การสนับสนุนข้อมูลการปล่อยคาร์บอนให้แก่กลุ่มอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมเพื่อใช้จัดทำเอกสารรายงานปริมาณการปล่อยคาร์บอนในกระบวนการผลิตสำหรับจัดส่งให้แก่ EU ตามมาตรการ CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism) หรือมาตรการปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน ซึ่งมีผลบังคับใช้กับ 6 อุตสาหกรรมที่มีการปล่อยคาร์บอนสูงแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2566 ผลจากการสนับสนุนฐานข้อมูลนี้ไม่เพียงช่วยให้ผู้ประกอบการไทยดำเนินการค้ากับ EU ได้ต่อเนื่องแบบไร้รอยต่อ แต่ยังทำให้ผู้ประกอบการตระหนักรู้ถึงปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในแต่ละกิจกรรมการผลิตของตน เพื่อใช้หาแนวทางลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างเหมาะสมต่อไป โดยหากผู้ประกอบการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้ ไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น ยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันกับทั้ง EU และตลาดโลกด้วย”
บทบาทการทำงานของ TIIS ด้านการจัดทำฐานข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไม่ได้สิ้นสุดแค่เพียงการสนับสนุนข้อมูล เพราะ TIIS ยังทำหน้าที่ช่วยชี้โอกาสการปรับเปลี่ยนเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วย
ดร.จิตติ กล่าวเสริมว่า บุคลากรของ TIIS มีประสบการณ์การทำงานที่ครอบคลุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของอุตสาหกรรมการผลิตที่สำคัญของประเทศไทย เช่น ไฟฟ้า ก๊าซธรรมชาติ ปิโตรเคมี วัสดุก่อสร้าง เกษตร สิ่งทอ ทำให้มีศักยภาพที่จะช่วยชี้ให้เห็นจุดที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง และจุดที่มีโอกาสบริหารจัดการเพื่อนำไปสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดย TIIS จะช่วยแนะนำเทคโนโลยีที่เหมาะสม และเชื่อมต่อกับนักวิจัยที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ทั้งจากภายใน สวทช. และหน่วยงานวิจัยภายนอกในการร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีส่งเสริมการลดการปล่อยคาร์บอน
“TIIS คาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นแรงสนับสนุนสำคัญที่ช่วยเหลือหน่วยงานต่าง ๆ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจนประเทศไทยบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (carbon neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (net zero) ได้ อย่างไรก็ตามการดำเนินงานจะเป็นไปด้วยความราบรื่นไม่ได้หากขาดนโยบายและการสนับสนุนที่เหมาะสมจากทั้งผู้บริหารทั้งในระดับชาติ กระทรวง กลุ่มอุตสาหกรรม และองค์กร เพราะปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมไม่ใช่เรื่องที่แก้ไข้ได้ง่ายด้วยใครเพียงคนใดคนหนึ่ง แต่จะทำได้หากเราทุกคนร่วมมือกัน”
สำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ TIIS เข้าชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.nstda-tiis.or.th
เรียบเรียงโดย ภัทรา สัปปินันทน์ ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช.
อาร์ตเวิร์กโดย ภัทรา สัปปินันทน์
ภาพประกอบโดย TIIS สวทช. และ Adobe Stock