นอกเหนือจากความขัดแย้งระหว่างกรุงวอชิงตันและกรุงปักกิ่งที่เริ่มกระทบกัน แผนการขยายคำสั่งห้ามการใช้โทรศัพท์ iPhone ในกลุ่มลูกจ้างรัฐบาลกลาง ที่เริ่มใช้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา กลายเป็นความท้าทายที่มีน้ำหนักสำคัญต่อธุรกิจในสหรัฐฯ โดยธุรกิจต้องพึ่งพาจีนอย่างมากทั้งในด้านการกระตุ้นรายได้และการผลิต
แหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อของ Reuters รายงานว่า อย่างน้อย 3 กระทรวงและหน่วยงานรัฐได้รับคำสั่งที่แนะนำไม่ให้ใช้ iPhone ในการทำงาน แม้ว่าแหล่งข่าวหนึ่งอย่างจะเสริมว่า การกำหนดวันที่สิ้นสุดคำสั่งห้ามใช้โทรศัพท์รุ่นนี้ยังไม่ชัดเจน
Reuters ติดต่อกับบริษัท Apple และสำนักงานสารสนเทศแห่งสภารัฐ ซึ่งรับผิดชอบการตอบคำถามสื่อแทนรัฐบาลกลาง โดยร้องขอความเห็น แต่ยังไม่ได้รับการตอบกลับก่อนที่ข่าวนี้จะถูกเผยแพร่
รายงานระบุว่า ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับการใช้งานคำสั่งห้ามการใช้โทรศัพท์ในขอบเขตใด แหล่งข่าวที่ 3 ที่ทำงานที่กระทรวงที่ประกาศห้ามใช้ iPhone กล่าวว่า พวกเขายังคงใช้อุปกรณ์นี้และไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการบังคับใช้ ส่วนแหล่งข่าวที่ 4 ที่ทำงานที่หน่วยงานกำกับดูแลกิจการของจีน กล่าวว่า ยังไม่มีคำสั่งที่ชัดเจน แต่มีคำเตือนว่า หากมีปัญหาเกี่ยวกับการใช้ iPhone ผู้ใช้ต้องรับผิดชอบ
ในปี 2020 นายหน้าสื่อของรัฐจีน Economic Observer รายงานว่า หน่วยงานรัฐบาลบางแห่งได้ประกาศระเบียบห้ามเจ้าหน้าที่ใช้ iPhone เนื่องจากความเข้มงวดในด้านความเป็นส่วนตัวของบริษัท Apple ที่ทำให้เจ้าหน้าที่การปราบปรามไม่สามารถเข้าถึงและตรวจสอบโทรศัพท์ของผู้ต้องสงสัยได้
Bloomberg รายงานในวันพฤหัสบดีว่า จีนมีแผนขยายคำสั่งห้ามใช้ iPhone ไปยังรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่น ๆ ด้วย
ตลาดใหญ่ที่สุดของ Apple คือในจีน ซึ่งทำให้บริษัทได้รายได้สูงถึง 1 ใน 5 ส่วน และยอดขายอุปกรณ์โทรศัพท์อยู่ในอันดับ 3 ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ตามข้อมูลจากบริษัทที่ปรึกษาธุรกิจ Canalys โดยสาเหตุหนึ่งเป็นการกระทบจากมาตรการลงโทษของสหรัฐฯ