แฟนๆ ได้ก้าวเข้าไปสัมผัสโลกของ Glass Onion: A Knives Out Mystery ผลงานจากไรอัน จอห์นสันซึ่งมียอดการรับชม 127.25 ล้านชั่วโมงในหมวดภาพยนตร์ภาษาอังกฤษจนกลายเป็นเนื้อหาที่มีผู้ชมมากที่สุดประจำสัปดาห์นี้ เรื่องราวปริศนาหาตัวฆาตกรซึ่งได้คะแนน “รับประกันความสด” 93% ใน Rotten Tomatoes นี้ติดอันดับในหมวดผลงานยอดนิยมด้วยยอดการรับชม 209.40 ล้านชั่วโมง หลังเปิดฉายได้เพียง 10 วัน Glass Onion ก็ขึ้นแท่นภาพยนตร์ที่มีผู้ชมมากที่สุดเป็นอันดับ 3 โดยคิดตามชั่วโมงการรับชม (ตามหลังเรื่อง Red Notice และ Don’t Look Up) และในขณะนี้มีผู้ชม 90 ล้านครัวเรือนที่ได้รับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ (ยอดการรับชม 209.40 ล้านชั่วโมงหาร 2.3 ชั่วโมง) และทั่วโลกต่างติดใจเบนัวต์ บลองค์จนส่งให้ ฆาตกรรมหรรษา ใครฆ่าคุณปู่ (Knives Out) (2019) รั้งอันดับ 3 ในหมวดผลงานภาพยนตร์ภาษาอังกฤษด้วยยอดการรับชม 16.76 ล้านชั่วโมง
ผู้ชมต้อนรับปีใหม่ด้วยภาพยนตร์ใหม่ๆ มาทิลด้า เดอะ มิวสิคัล (Roald Dahl’s Matilda the Musical) ไต่ขึ้นสู่อันดับ 2 ด้วยยอดการรับชม 41.06 ล้านชั่วโมง เรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจที่นำแสดงโดยเจ้าของรางวัลออสการ์อย่างเอ็มม่า ทอมป์สันในบทครูทรันช์บูล และอลิชา เวียร์ในบทมาทิลด้าได้รับความนิยมติด 10 อันดับแรกใน 89 ประเทศ ส่วนผลงานที่สร้างจากนิยายชื่อเดียวกันของดอน เดอลิโลเรื่อง White Noise ซึ่งเขียนบทและกำกับโดยโนอาห์ บอมบาคมียอดการรับชม 14.75 ล้านชั่วโมง ผลงานคอมเมดี้แนวเสียดสีที่นำแสดงโดยอดัม ไดรเวอร์ และเกรตา เกอร์วิกนี้ได้รับความนิยมติด 10 อันดับแรกใน 33 ประเทศ ขณะที่ผลงานเรื่องโปรดของแฟนๆ และนักวิจารณ์อย่าง พิน็อกคิโอ หุ่นน้อยผจญภัย โดยกีเยร์โม เดล โตโร (Guillermo del Toro’s Pinocchio) มียอดการรับชม 10.91 ล้านชั่วโมง
Wednesday ยังคงสร้างกระแสโด่งดังไปทั่วโลก ผลงานคอมเมดี้แนวลึกลับนี้ครองอันดับ 1 ด้วยยอดการรับชม 103.96 ล้านชั่วโมง และมียอดการรับชมทะลุ 100 ล้านชั่วโมงเป็นเวลา 6 สัปดาห์ติดต่อกันในหมวดผลงานซีรีส์ภาษาอังกฤษ ซึ่งนับเป็นสถิติใหม่เลยทีเดียว แฟนๆ พากันลัดฟ้าไปปารีส ขณะที่ เอมิลี่ในปารีส (Emily in Paris) ทั้ง 3 ซีซั่นติดโผเข้ามา โดยซีซั่น 1 มียอดการรับชม 14.55 ล้านชั่วโมง ซีซั่น 2 มียอดการรับชม 15.21 ล้านชั่วโมง และซีซั่น 3 มียอดการรับชม 95.33 ล้านชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีผลงานโปรดของแฟนๆ ที่ติดโผอยู่ ได้แก่ เดอะ วิทเชอร์ นักล่าจอมอสูร: ปฐมบทเลือด (The Witcher: Blood Origin) (ยอดการรับชม 64.52 ล้านชั่วโมง) The Recruit: ทนายซีไอเอ (ยอดการรับชม 43.36 ล้านชั่วโมง) แฮร์รี่และเมแกน (Harry & Meghan) (ยอดการรับชม 22.53 ล้านชั่วโมง) ซีรีส์แอนิเมชันเรื่อง โซนิค ไพรม์ (Sonic Prime) (ยอดการรับชม 13.4 ล้านชั่วโมง) และซีซั่น 2 ของ ไฟร์ฟลายเลน มิตรภาพและความทรงจำ (Firefly Lane) (ยอดการรับชม 12.77 ล้านชั่วโมง) ส่วนผลงานใหม่ที่เพิ่งติดโผเข้ามาคือซีรีส์ระทึกขวัญแนวการเมืองเรื่อง กบฏ (Treason) ซึ่งมียอดการรับชม 56.06 ล้านชั่วโมง
ผลงานแนวลึกลับจากอิตาลีเรื่อง 7 สตรี 1 ฆาตกรรม (7 Women and a Murder) รั้งอันดับ 1 ในหมวดภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศด้วยยอดการรับชม 9.98 ล้านชั่วโมง ภาพยนตร์แอ็คชั่นผจญภัยจากนอร์เวย์เรื่อง โทรลล์ (Troll) ภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี้จากเม็กซิโกเรื่อง คริสต์มาสไม่หรรษา (A Not So Merry Christmas) ผลงานปริศนาระทึกขวัญจากสเปนเรื่อง เส้นบิดเบี้ยวของพระเจ้า (God’s Crooked Lines) ภาพยนตร์แอ็คชั่นผจญภัยจากอินโดนีเซียเรื่อง The Big 4 ผลงานแอ็คชั่นผจญภัยจากอิตาลีเรื่อง ในนามของความแค้น (My Name is Vendetta) และภาพยนตร์ดราม่าจากเยอรมนีเรื่อง แนวรบด้านตะวันตก เหตุการณ์ไม่เปลี่ยนแปลง (All Quiet on the Western Front) ต่างยังครองชาร์ตอย่างเหนียวแน่น
ทางด้านหมวดผลงานซีรีส์ภาษาต่างประเทศ ผลงานระทึกขวัญในโลกอันเสื่อมทรามจากญี่ปุ่นเรื่อง อลิสในแดนมรณะ (Alice in Borderland) รั้ง 2 อันดับแรกด้วยยอดการรับชม 30.22 ล้านชั่วโมง (ซีซั่น 1) และ 74.3 ล้านชั่วโมง (ซีซั่น 2) โดยนับเป็นสัปดาห์ที่ซีรีส์จากญี่ปุ่นมียอดการรับชมสูงสุดในสัปดาห์เดียว ผลงานใหม่ที่เพิ่งติดอันดับเข้ามา ได้แก่ ซีรีส์จากเกาหลีเรื่อง The Glory (ยอดการรับชม 25.41 ล้านชั่วโมง) และซีรีส์จากเม็กซิโกเรื่อง ลูกคนละแม่ (Daughter From Another Mother) (ยอดการรับชม 22.49 ล้านชั่วโมง) และซีซั่น 3 ของ เจ้าแม่แดนใต้ (La Reina del Sur) (ยอดการรับชม 22.41 ล้านชั่วโมง) ขณะที่ผลงานจากเกาหลีเรื่องอื่นๆ ได้แก่ เล่นแร่แปรวิญญาณ (Alchemy of Souls) (ซีซั่น 2) และรายการเรียลลิตี้หาคู่อย่าง Single’s Inferno: โอน้อยออก ใครโสดตกนรก (Singles Inferno) กลับมาติดโผเช่นเดียวกับซีรีส์จากโคลอมเบียเรื่อง The Unbroken Voice และ Til Money Do Us Part
ดาวน์โหลดไฟล์ชิ้นงาน 10 อันดับสูงสุดได้ที่ Top10.netflix.com
ข้อมูลติดต่อสำหรับสื่อ
NetflixTop10@netflix.com
\# # #
ที่มา: Netflix