วันอังคารนี้เป็นวันแรกที่ลิซ ทรัสส์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษ หลังคว้าตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษนิยมมาได้ โดยขึ้นมารับตำแหน่งแทนที่บอริส จอห์นสัน
รอยเตอร์รวบรวมนโยบายที่ทรัสส์เคยนำเสนอในช่วงศึกชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรคดังต่อไปนี้
ด้านการต่างประเทศ
– เพิ่มงบป้องกันประเทศขึ้นเป็น 3% ของจีดีพี ภายในปี 2030 จากที่กำหนดในปีนี้ที่ 2.3% ของจีดีพี
– ติดต่อประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ในฐานะผู้นำต่างชาติคนแรก หลังทรัสส์ดำรงตำแหน่งนายกฯ
– ร่วมมือกับชาติพันธมิตรจี 7 เพื่อเพิ่มการช่วยเหลือด้านการทหารและด้านมนุษยธรรมต่อยูเครน
– ให้อังกฤษมีบทบาทนำในแผนฟื้นฟูยูเครน
– ปรับนโยบายต่างประเทศของอังกฤษให้ทันสมัย รวมถึงให้ความสำคัญกับประเด็นจีนและรัสเซีย
– หาข้อตกลงการค้ากับสมาชิกเครือจักรภพเพื่อรับมือกับอิทธิพลการค้าของจีน
– ยกเลิกกฎหมายสหภาพยุโรปที่ยังใช้ในอังกฤษภายในปี 2023
– เพิ่มโครงการส่งผู้อพยพไปยังประเทศที่สาม
– ปฏิรูปอนุสัญญาสิทธิมนุษยชนยุโรป เพื่อประโยชน์ของอังกฤษ
ด้านเศรษฐกิจและนโยบายภายในประเทศ
– ทบทวนคำสั่งของธนาคารแห่งประเทศอังกฤษ
– ไม่มีการปันส่วนการใช้พลังงาน
– สนับสนุนการขุดเจาะน้ำมันแบบ fracking ในพื้นที่ที่ประชาชนสนับสนุน
– สร้างเขตการลงทุนที่มีกฎระเบียบต่ำ
– กำหนดระดับการให้บริการขั้นต่ำต่อโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่อประเทศ
– ปฏิรูปเงื่อนไขการขอกู้ซื้อบ้านเพื่อช่วยให้ผู้เช่าเข้าถึงตลาดที่อยู่อาศัยได้มากขึ้น
– กระตุ้นให้ทางการท้องถิ่นสร้างที่อยู่อาศัยมากขึ้น และเร่งระบบแผนที่อยู่อาศัย
– ทบทวนว่าอังกฤษจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจนเกือบเป็นศูนย์ตามเป้าที่ตั้งไว้ในปี 2050 ได้อย่างไร โดยที่แผนดังกล่าวยังคง “เป็นมิตร” กับตลาดอังกฤษ
– ไม่มีการจัดประชามติเอกราชสกอตแลนด์ครั้งใหม่
– ออกโครงการปฏิรูปการศึกษา รวมถึงมาตรการลดค่าใช้จ่ายในการดูแลเด็ก
– ขยายโครงการแรงงานตามฤดูกาลชั่วคราว เพื่อรับรองว่าเกษตรกรจะเข้าถึงแรงงานในการทำเกษตรได้
– รับมือกับความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กหญิง รวมถึงการกำหนดบทลงโทษการคุกคามตามท้องถนน
– เพิ่มกองกำลังตามชายแดนขึ้น 20% และเพิ่มกองกำลังปกป้องน่านน้ำขึ้นสองเท่า
– ทบทวนประสิทธิภาพขององค์กรที่กำหนดเพดานค่าไฟและค่าน้ำ ได้แก่ Ofgem และ Ofwat
ด้านภาษีและการใช้จ่ายภาครัฐ
– ไม่ออกภาษีแบบใหม่
– เตรียมออกมาตรการช่วยครัวเรือนแบ่งเบาค่าพลังงาน
– ออกงบฉุกเฉินและทบทวนการใช้จ่ายภาครัฐ
– ยกเลิกการเพิ่มภาษีเงินได้ 1.25% ที่เคยกำหนดเพื่อเพิ่มงบสาธารณสุขและประกันสุขภาพ
– ยกเลิกแผนเพิ่มภาษีนิติบุคคล
– ประกาศผ่อนเวลาชำระภาษีสิ่งแวดล้อมและสังคมในใบเสร็จค่าไฟ
– ไม่นำมาตรการภาษีต่ออาหารที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพมาใช้ และยกเลิกมาตรการจำกัดโปรโมชั่นกระตุ้นการซื้ออาหารและเครื่องดื่มที่มีไขมัน เกลือ หรือน้ำตาลสูง
– ทบทวนภาษีที่ภาคครัวเรือนต้องจ่าย เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระภาษีในยามที่สมาชิกครอบครัวไม่สามารถทำงานได้เพื่อดูแลเด็ก ๆ หรือญาติ
ที่มา: รอยเตอร์ / VoaThai
ที่มาของภาพเด่น: Gov.uk (Open Government License v3.0)