ทางการกาตาร์ ที่เป็นตัวกลางการเจรจาเผยเมื่อวันพุธว่า กลุ่มฮามาสจะปล่อยตัวประกันที่เป็นผู้หญิงและเด็ก 50 คน ขณะที่อิสราเอลจะปล่อยตัว “ผู้หญิงและเด็กปาเลสไตน์จำนวนหนึ่งที่ถูกคุมขังในเรือนจำอิสราเอล”
ข้อตกลงดังกล่าวมีขึ้นหลังการเจรจามาร่วมหลายสัปดาห์ นำทีมโดยกาตาร์ สหรัฐฯ และอียิปต์ อ้างอิงจากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ และว่าตัวประกันที่กลุ่มฮามาสจะปล่อยตัวนั้นมีชาวอเมริกัน 3 คนด้วย
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ระบุในแถลงการณ์หลังอิสราเอล-ฮามาส บรรลุข้อตกลงว่า “ผมขอขอบคุณชีคทามิม บิน ฮามัด อัล-ทานี แห่งกาตาร์ และประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตาห์ เอล-ซีซี แห่งอียิปต์ ในความเป็นผู้นำและหุ้นส่วนสำคัญในการบรรลุข้อตกลงนี้ … และผมขอบคุณความมุ่งมั่นของนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูและรัฐบาลของเขาในการสนับสนุนการพักรบเพื่อให้แน่ใจว่าข้อตกลงนี้จะดำเนินไปได้และเพื่อให้มั่นใจว่าจะมีความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเพิ่มเติมในการบรรเทกความทุกข์ยากของครอบครัวผู้บริสุทธิ์ชาวปาเลสไตน์ในกาซ่า”
เจ้าหน้าที่ระดับสูงในคณะทำงานของประธานาธิบดีไบเดน ระบุว่า ผู้หญิงและเด็กมากกว่า 50 คนเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับการปล่อยตัว และเป้าหมายสุดท้ายคือการปล่อยตัวประกันทั้งหมดจากกาซ่า
กองทัพอิสราเอลเดินหน้าโจมตีในกาซ่า ตั้งแต่กลุ่มฮามาสเปิดฉากโจมตีอิสราเอลอย่างไม่ทันตั้งตัวเมื่อ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา มีรายงานผู้เสียชีวิตราว 1,200 คน และเชื่อว่าได้จับกุมตัวประกันราว 240 คนเอาไว้ รวมทั้งยังมีอีกจำนวนมากที่สูญหายจากเหตุการณ์ดังกล่าว ตามการเปิดเผยของทางการอิสราเอล
รัฐบาลอิสราเอล ระบุว่า จะขยายวันพักรบเพิ่มอีกครั้งละ 1 วัน หากฮามาสยอมปล่อยตัวประกันเพิ่มอีกทุก ๆ 10 คน
ทางนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ให้คำมั่นจะนำตัวประกันทั้งหมดกลับมา ระหว่างที่ย้ำยืนยันกับคณะรัฐมนตรีอิสราเอลว่าเป้าหมายของอิสราเอล คือ การกำจัดกลุ่มฮามาสให้สิ้นซากและให้แน่ใจว่ากลุ่มติดอาวุธนี้จะไม่เป็นภัยคุกคามต่ออิสราเอลอีกต่อไป