ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะพบกันที่ ‘ฟีโลลี เอสเตท’ คฤหาสถ์ตากอากาศเก่าแก่ทางใต้ของนครซานฟรานซิสโก ในวันพุธนี้ โดยจะใช้เวลาหารือกัน 4 ชั่วโมงในหลายประเด็น ตั้งแต่ความสัมพันธ์ทวิภาคีไปจนถึงประเด็นโลก อ้างอิงจากแหล่งข่าวใกล้ชิดกับการวางกำหนดการ
การพบกันครั้งที่สองของสองผู้นำประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในโลกมีขึ้นนอกรอบการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือ เอเปค (APEC) ที่มีขึ้นในสัปดาห์นี้
ฟีโลลี เอสเตท เป็นคฤหาสถ์ทรงจอร์เจียที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ 2.65 ตร.กม. ล้อมรอบด้วยธรรมชาติและสวนที่ตกแต่งแบบอังกฤษในยุคเรเนซองซ์
ปธน.ไบเดน และปธน.สี เดินทางถึงนครซานฟรานซิสโกในวันอังคาร จากนั้นจะเดินทางไปยังคฤหาสถ์แห่งนี้ในวันพุธ โดยจะร่วมรับประทานอาหารกลางวัน เดินชมรอบสถานที่ตากอากาศ และประชุมร่วมกันเป็นเวลาราว 4 ชม. โดยจะมีการหารือของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้งสองประเทศในแต่ละประเด็นด้วย
การหารือเชิงลึก
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ได้มีการจัดสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับผู้นำทั้งสองได้นั่งพูดคุยเชิงลึกในประเด็นต่าง ๆ ที่ทั้งสองประเทศเผชิญอยู่ ทั้งในส่วนของความสัมพันธ์ทวิภาคีและประเด็นโลก
เจ้าหน้าที่ของจีนได้ขอให้มีสถานที่แยกต่างหากจากการประชุมสุดยอดเอเปคที่จัดขึ้นกลางนครซานฟรานซิสโก แสดงให้เห็นถึงความประสงค์ที่จะใช้เวลาหารือนานกว่าที่เคยจัดขึ้นระหว่างการประชุม จี20 ที่เกาะบาหลีเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งในครั้งนั้น ผู้นำทั้งสองพูดคุยกันเป็นเวลาร่วม 3 ชม.
เจ้าหน้าที่ระดับสูงผู้หนึ่งกล่าวว่า ผลลัพธ์ที่สหรัฐฯ ต้องการจากการประชุมครั้งนี้ คือ “สาระสำคัญ” และ “ความแตกต่าง” จากครั้งก่อน
เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เพื่อการทหาร
ในวันจันทร์ สหรัฐฯ ประกาศเข้าร่วมกับรัฐบาล 45 ประเทศ ในการเปิดตัว ‘ปฏิญญาการเมืองว่าด้วยการใช้ปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีควบคุมตนเองทางการทหารอย่างมีความรับผิดชอบ’ (Political Declaration on Responsible Military Use of Artificial Intelligence and Autonomy) ซึ่งระบุถึง มาตรการ 10 ข้อสำหรับการใช้เทคโนโลยีเอไอทางการทหารอย่างมีความรับผิดชอบ
สื่อเซาธ์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ รายงานว่า ปธน.ไบเดน และปธน.สี น่าจะบรรลุข้อตกลงกันเรื่องการจำกัดการใช้เทคโนโลยีเอไอในอาวุธนิวเคลียร์
เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวกับวีโอเอว่า สหรัฐฯ จะยังคงใช้มนุษย์ในการควบคุมทุกการกระทำที่สำคัญว่าด้วยการแจ้งเตือนและตัดสินใจเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์ โดยความท้าทายในตอนนี้คือการโน้มน้าวให้ประเทศอื่น ๆ รวมทั้งจีน เข้าร่วมการสร้างบรรทัดฐานเรื่องการใช้เอไออย่างมีความรับผิดชอบ
ความเห็นที่แตกต่างเรื่องไต้หวัน
ก่อนหน้าการประชุมครั้งนี้ สหรัฐฯ มีความขัดแย้งเรื่องไต้หวันอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งประเด็นการค้า การถ่ายโอนเทคโนโลยี และสิทธิมนุษยชน
ในสัปดาห์นี้ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน เหมา หนิง กล่าวว่า “อิทธิพลจากภายนอก” และพรรครัฐบาลไต้หวัน กำลังสนับสนุนการแยกประเทศ ซึ่งอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสถานะระหว่างไต้หวันกับจีน พร้อมยืนยันว่า “ไต้หวันคือส่วนหนึ่งของกิจการภายในของจีน”
ทางด้านสหรัฐฯ ได้เตือนไปถึงจีนให้หลีกเลี่ยงการแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวันที่จะมีขึ้นในเดือนมกราคมปีหน้า พร้อมแสดงความกังวลต่อกิจกรรมทางทหารของจีน “อย่างไม่เคยมีมาก่อน” รอบเกาะไต้หวันก่อนที่จะมีการเลือกตั้งในอีกสองเดือนข้างหน้าด้วย (VOA)