ผู้นำคนใหม่ของรัฐบาลกรุงพนมเปญประกาศวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุมสภาธุรกิจอาเซียนเกี่ยวกับความพร้อมในการนำพากัมพูชาให้ก้าวขึ้นมาเป็นประเทศรายได้สูงภายในเวลาไม่ถึง 3 ทศวรรษจากนี้ ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์
ในการแถลงเป็นครั้งแรกบนเวทีการประชุมระหว่างประเทศที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ในวันจันทร์ นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต วัย 45 ปี กล่าวว่า กัมพูชาได้เริ่มดำเนินการตามวิสัยทัศน์ด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศที่มีเนื้อหาครอบคลุมหลายจุดแล้ว เพื่อ “ปกป้องสันติภาพที่ได้มาอย่างยากเข็ญและเพื่อเร่งแผนพัฒนาแห่งชาติให้ไปถึงหลักชัยของการก้าวขึ้นมาเป็นประเทศรายได้สูงภายในปี 2050”
นายกฯ คนใหม่ของกัมพูชาระบุว่า วิสัยทัศน์ที่ว่านั้นรวมความถึง การพัฒนาต้นทุนด้านมนุษย์ เศรษฐกิจดิจิทัล การเปิดกว้างให้หลายฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วม และความยั่งยืน ซึ่งเรียกรวม ๆ กันว่าเป็น “ยุทธศาสตร์ห้าด้าน”
ฮุน มาเนต กล่าวด้วยว่า จากการเป็นประเทศที่ตกอยู่ในภาวะแตกเป็นเสี่ยง ๆ เพราะสงคราม กัมพูชาสามารถพัฒนาจนกลายมาเป็นประเทศรายได้ปานกลางและมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ 7% แล้ว
ขณะเดียวกัน บุตรชายของอดีตนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ยอมรับว่า ในเวลานี้ ภาวะการแข่งขันด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศมหาอำนาจที่กำลังดำเนินอยู่ได้สร้างแรงกดดันให้กับ “สันติภาพ ความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองของอาเซียน” พร้อมเรียกร้องให้ทางกลุ่มและประชาคมโลกร่วมกันต่อต้านภัยคุกคามจากการใช้กำลังทหารต่อรัฐอธิปไตย (sovereign state) ใด ๆ ก็ตาม และว่า อาเซียนและองค์การสหประชาชาติต้อง “ยึดมั่นต่อจิตวิญญาณของเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และ(นโยบาย)การไม่แทรกแซงผู้อื่น
รัฐสภากัมพูชามีมติรับรอง ฮุน มาเนต ให้ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่เมื่อเดือนที่แล้ว หลัง ฮุน เซน ผู้เป็นบิดาก้าวลงจากตำแหน่งผู้ปกครองประเทศมาเกือบ 4 ทศวรรษซึ่งเป็นช่วงเวลาที่นักวิเคราะห์ระบุว่า เป็นช่วงเวลาแห่งเผด็จการ การกดขี่ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองและการปิดกั้นสื่อเสรี
ฮุน เซน กล่าวไว้ว่า เขาคาดว่า ลูกชายของตนจะเดินหน้าความเป็นผู้นำในแบบของตนไว้ ขณะที่ จะยังคงวนเวียนอยู่ในแวดวงการเมืองต่อไป
- ที่มา: VOA